CTO ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ชี้แนวโน้มอุตสาหกรรมไอที 10 อับดับแรกในป
วันที่: 19 ธันวาคม 2555 |
รายงานพิเศษ

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ. 2556 ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จะยังคงเป็นเรื่องหลักที่สร้างความกังวลให้กับอุตสาหกรรมไอที ตัวอย่างเช่น หน่วยความจุระดับเอ็กซาไบต์จะถูกนำมาร่วมพิจารณาในการวางแผนด้านการจัดเก็บข้อมูล ในขณะที่หน่วยเพตาไบต์จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ โดยส่วนใหญ่จะมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลสำรองที่ถูกสำเนาและการสำรองข้อมูล ทั้งนี้ ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) สำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานจะลดลงขณะที่ต้นทุนการลงทุนจะเพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้สามารถสร้างความท้าทายและโอกาสให้กับองค์กรธุรกิจในปีพ.ศ. 2556 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะต้องจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยงบประมาณและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด พร้อมๆ กับที่พวกเขาจะต้องสร้างมูลค่าทางธุรกิจจากข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อนำมาช่วยสนับสนุนให้องค์กรเกิดการขยายตัวและการพัฒนาในท้ายที่สุดด้วย
1. การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับ OPEX และ CAPEX: ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนรวมของระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ต่อปี สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้นมาจากค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน (OPEX) เป็นหลัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ (ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน: CAPEX) อยู่ในระดับคงที่ แต่ในปีพ.ศ. 2556 CAPEX มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและจะเป็นสัดส่วนที่มากขึ้นของต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ เนื่องจากฮาร์ดแวร์มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นและความต้องการพื้นที่ความจุของระบบจัดเก็บข้อมูลก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
2.โมเดลการบริโภคแบบใหม่: แทนที่จะทุ่มซื้อระบบจัดเก็บข้อมูลเหมือนในปัจจุบันแล้วค่อยๆ เพิ่ม CAPEX ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า แต่ต่อไปองค์กรจะเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่พวกเขาต้องการเมื่อมีความต้องการใช้จริงๆ และเพื่อให้บรรลุผลดังกล่าว พวกเขาจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีและขีดความสามารถต่างๆ ของระบบจัดเก็บข้อมูล เช่น การจัดสรรระบบจัดเก็บข้อมูลอย่างอิสระ ระบบเสมือนจริง และการโยกย้ายข้อมูลโดยที่ไม่กระทบต่อการทำงานของระบบหลัก นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายระบบจัดเก็บข้อมูลอาจจัดเตรียมบริการที่มีการจัดการสำหรับองค์กรเพื่อช่วยเปลี่ยน CAPEX ให้เป็น OPEX ได้อีกด้วย
3.การจัดการการเพิ่มจำนวนการทำสำเนาข้อมูล: การทำสำเนาข้อมูลเป็นการเพิ่มจำนวนข้อมูลและข้อมูลสำรองอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้การจัดเก็บข้อมูลแบบออบเจ็กต์จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการลดการสำรองข้อมูลและทำสำเนาเฉพาะข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
4.การถือกำเนิดของแฟลชคอนโทรลเลอร์สำหรับองค์กร: แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีแฟลช Solid State Drive (SSD) สมรรถนะสูงในองค์กรเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากราคาสูงและมีความทนทานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แต่ในปี พ.ศ. 2556 จะได้พบกับการเปิดตัวแฟลชคอนโทรลเลอร์ที่มีตัวประมวลผลขั้นสูง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลองค์กร อีกทั้งยังมีความทนทาน มีประสิทธิภาพ และมีความจุของหน่วยความจำแฟลชเพิ่มสูงขึ้นด้วย
5.ความต้องการใหม่ๆ ในระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่ระยะแรกเริ่ม: เนื่องจากการใช้ไฮเปอร์ไวเซอร์ที่เพิ่มขึ้น เช่น วีเอ็มแวร์ และแอพพลิเคชั่น เช่น VDI ได้เปลี่ยนความต้องการในระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรขนาดกลาง ทำให้ช่องว่างระหว่างสถาปัตยกรรมระบบจัดเก็บข้อมูลขององค์กรขนาดใหญ่และองค์กรขนาดกลางกำลังแคบลงเรื่อยๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมเริ่มเกิดความต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ระดับแรกเริ่ม (Entry Enterprise) เนื่องจากระบบเหล่านี้สามารถปรับขยายได้เมื่อเวิร์กโหลดเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มตัวประมวลผล พอร์ต และแคช รวมถึงราคายังคงอยู่ในระดับตลาดขนาดกลางด้วย
6.ความต้องการระบบไฟล์แบบออบเจ็กต์: การขยายตัวของข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้าง จะต้องการระบบไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถปรับขยายได้มากขึ้น ทำให้ระบบไฟล์มาตรฐานต้องถูกแทนที่ด้วยระบบไฟล์แบบออบเจ็กต์เพื่อตอบสนองความต้องการที่กำลังขยายตัวเช่นนี้ การจัดการข้อมูลระบบไฟล์และเมตาดาต้าแบบออบเจ็กต์จะช่วยให้การคืนค่าระบบไฟล์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การเข้าถึงไฟล์มีประสิทธิภาพสูง และช่วยให้การจัดแบ่งระดับชั้นของไฟล์เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
7.การเร่งการใช้แพลตฟอร์มเนื้อหาสำหรับที่เก็บถาวรข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูล: ระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือนจริงจะช่วยให้แอพพลิเคชั่นสามารถแบ่งปันทรัพยากรระบบจัดเก็บข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลแอพพลิเคชั่นจะยังคงถูกล็อกไว้ในคลังข้อมูลที่แยกต่างหาก ในปี พ.ศ. 2556 การปรับใช้แพลตฟอร์มเนื้อหาสำหรับเก็บข้อมูลและการแบ่งปันข้อมูลจะมีความรวดเร็วยิ่งขึ้นเนื่องจากผู้ใช้พยายามที่จะเชื่อมโยงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ เข้าด้วยกัน
8.คอนโทรลเลอร์สนับสนุนฮาร์ดแวร์เพื่อตอบสนองเวิร์กโหลดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น: คอนโทรลเลอร์ระบบจัดเก็บข้อมูล จะประกอบด้วย ตัวประมวลผลขั้นสูงและ ASIC ที่ช่วยสนับสนุนฮาร์ดแวร์ ช่วยให้จัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อนและปริมาณงานที่เพิ่มสูงขึ้นได้
9.การสร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับการนำอุปกรณ์มือถือเข้ามาใช้งาน: แม้ว่าการนำอุปกรณ์มือถือเข้ามาใช้งานจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและนำไปสู่นวัตกรรมต่างๆ แต่ก็สามารถสร้างฝันร้ายให้กับศูนย์ข้อมูลองค์กรได้เช่นกัน ในปี พ.ศ. 2556 เราจะได้เห็นการถือกำเนิดของแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันข้อมูลที่จะช่วยลดจำนวนภัยคุกคามความปลอดภัยของอุปกรณ์มือถือและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่ทำงานนอกสำนักงานได้
10.โซลูชั่นแบบผสานรวมที่แนบแน่นมากขึ้น: โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบผสานรวมที่ได้รับการรับรองและมีการกำหนดค่าและการทดสอบล่วงหน้ากำลังได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ซึ่งในปี พ.ศ. 2556 เราจะได้เห็นการยอมรับที่เพิ่มขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มการประมวลผลแบบรวมศูนย์ ซึ่งการจัดการและการจัดระเบียบเซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และทรัพยากรเครือข่ายจะได้รับการดำเนินการผ่านหน้าต่างควบคุมเดียว